Skip links

อย่าได้กังวลในริซกี เมื่อต้องฮิจญ์เราะฮ์ในหนทางของอัลลอฮ์

ฮิจญ์เราะฮ์ คือ การอพยพย้ายถิ่นฐานจากที่หนึ่งสู่อีกที่หนึ่งซึ่งมีแวดล้อมทางศาสนาที่ดีกว่า สมบูรณ์กว่า ปลอดภัยกว่าเมื่อเทียบกับสถานที่เก่า โดยเฉพาะเมื่อผู้ศรัทธาถูกกดขี่อย่างรุนแรงจนเสี่ยงต่อทั้งศาสนาและชีวิตของพวกเขา

ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และเศาะหาบะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุม ได้รับคำสั่งให้ฮิจญ์เราะฮ์จากมักกะฮ์ไปยังมะดีนะฮ์ (ก่อนหน้านั้นเศาะหาบะฮ์บางส่วนถูกสั่งให้อพยพไปยังหะบะชะฮ์) เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและสามารถปฏิบัติตามความศรัทธาได้ ซึ่งส่วนมากล้วนต้องละทิ้งทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่มีทั้งที่เป็นสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ อพยพไปตัวเปล่าหรือมีทรัพย์สินและเสบียงจำเป็นติดตัวไปบ้างเท่านั้น แต่พวกเขาก็หาได้ลังเลใจไม่ เพราะต่างศรัทธามั่นในคำสัญญาของอัลลอฮ์ที่ว่า

وَمَن يُهَاجِرْ فِى سَبِيلِ ٱللَّهِ يَجِدْ فِى ٱلْأَرْضِ مُرَٰغَمًا كَثِيرًا وَسَعَةً وَمَن يَخْرُجْ مِنۢ بَيْتِهِۦ مُهَاجِرًا إِلَى ٱللَّهِ وَرَسُولِهِۦ ثُمَّ يُدْرِكْهُ ٱلْمَوْتُ فَقَدْ وَقَعَ أَجْرُهُۥ عَلَى ٱللَّهِ وَكَانَ ٱللَّهُ غَفُورًا رَّحِيمًا ‎﴿١٠٠﴾

ความว่า “และผู้ใดที่อพยพไปในหนทางของอัลลอฮ์เขาก็จะพบในผืนแผ่นดินซึ่งสถานที่อพยพอันมากมาย รวมถึงความมั่งคั่ง และผู้ใดออกจากบ้านของเขาในฐานะผู้อพยพไปยังอัลลอฮ์และเราะสูลของพระองค์ แล้วความตายก็มาถึงเขา แน่นอนรางวัลของเขานั้นได้ปรากฏแล้ว ณ อัลลอฮ์ และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้อภัยโทษผู้เมตตาเสมอ” (อันนิสาอ์ อายะฮ์ที่ 100)

ชัยค์อับดุรเราะห์มาน อัสสะอ์ดี ได้อธิบายไว้ในตัฟสีรของท่านว่า “อายะฮ์นี้ได้กระตุ้นและส่งเสริมให้มีการฮิจญ์เราะฮ์ ทั้งยังอธิบายประโยชน์และความโปรดปรานที่จะได้รับจากการฮิจเราะฮ์ โดยอัลลอฮ์ผู้ทรงสัตย์จริงได้สัญญาว่า ใครก็ตามที่ฮิจญ์เราะฮ์ในหนทางของพระองค์เพื่อแสวงหาความพอพระทัยของพระองค์ เขาจะพบ “مُغَارَم” และ “سَعَة” บนหน้าแผ่นดิน โดยที่ “มุฆอร็อม” คือคำที่มีความหมายครอบคลุมผลประโยชน์ทางศาสนา ส่วน “สะอะฮ์” คือคำที่หมายรวมถึงผลประโยชน์ในโลกนี้ ซึ่งทั้งสองคือสิ่งที่อัลลอฮ์ได้สัญญาไว้”

เมื่อกล่าวถึงชาวมุฮาญิรีนที่พลิกชีวิตจากศูนย์กลับมาร่ำรวยได้อีกครั้งหลังการอพยพเราก็มักได้ยินชื่อท่านอับดุรเราะห์มาน อิบนุ เอาฟ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ เป็นประจำ แต่วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับมุฮาญิรีนอีกท่านหนึ่งคือท่านอัซซุบัยร์ อิบนุ อัลเอาวาม เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ

ท่านอัซซุบัยร์เป็นกำพร้าตั้งแต่ยังเล็ก มีฐานะปานกลาง เมื่อเข้ารับอิสลามท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็ได้จับคู่พี่น้องบุญธรรมให้ท่านคู่กับท่านฏ็อลหะฮ์ บิน อุบัยดิลลาฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ก่อนการฮิจเราะฮ์เพื่อให้เขาทั้งสองได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน 

ท่านฏ็อลหะฮ์เป็นหนึ่งในผู้มีชาติตระกูลดี มีฐานะร่ำรวยจากธุรกิจ ท่านอัซซุบัยร์จึงได้เรียนรู้ประสบการณ์การทำธุรกิจจากพี่น้องบุญธรรมคนนี้จนกลายเป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและร่ำรวยที่สุดได้ในสมัยนั้น

แม้ภายหลังการฮิจเราะฮ์ท่านอัซซุบัยร์ก็ยังประสบความสำเร็จอย่างมากมายในธุรกิจของท่านซึ่งไม่ได้เน้นการค้าขาย นำเข้า-ส่งออก หรือทำเกษตรกรรมเช่นนักธุรกิจส่วนมากในยุคนั้น แต่ท่านจะเน้นการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 

อัลบุคอรีย์ได้กล่าวถึงท่านว่า “ท่านอัซซุบัยร์ได้รับชะฮีดในขณะที่ท่านไม่มีทรัพย์สินทั้งดีนาร (เหรียญทอง) หรือดิรฮัม (เหรียญเงิน) เหลืออยู่เลยนอกจากทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น”

ครั้งหนึ่งท่านอัซซุบัยร์ซื้อที่ดินแปลงหนึ่งในราคา 170,000 ดีนาร แล้วอับดุลเลาะฮ์ลูกชายของท่านได้ขายมันในราคา 1,600,000 ดีนารหลังจากที่ท่านเสียชีวิต (กำไรกว่า 841%) 

ท่านมีบ้าน 11 หลังในเมืองมาดีนะฮ์, 2 หลังในเมืองบัศเราะฮ์, 1 หลังในเมืองกูฟะฮ์, 1 หลังในอียิปต์ และ 1 หลังในอเล็กซานเดรีย ซึ่งมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ของท่านทั้งหมดคือ 50 ล้านดิรฮัม และมีสินค้ารอขายมูลค่า 50 ล้านดิรฮัม รวมทรัพย์สินของท่านทั้งหมดคือ 100 ล้านดิรฮัม

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่อัลลอฮ์ประทานให้แก่ท่านในระยะเวลา 36 ปีเท่านั้น! ก่อนที่ท่านได้รับชะฮีดร่วมกับท่านฏ็อลหะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา ในปีฮิจเราะฮ์ที่ 36 โดยได้ทิ้งหนี้สินเป็นเงินไว้ 1.15 ล้านดิรฮัม ซึ่งลูกชายท่านก็ได้ขายที่ดินแล้วได้จัดการชดใช้หนี้สินของท่านจนครบถ้วน

ฉะนั้นหากจำเป็นต้องฮิจญ์เราะฮ์ในหนทางของอัลลอฮ์ก็จงอย่าได้กังวลถึงเรื่องริซกี เพราะอัลลอฮ์ได้สัญญาไว้แล้วว่าเราจะได้พบมันอย่างแน่นอน ที่ดียิ่งกว่านั้นคือการตอบแทนด้วยการอภัยโทษและความเมตตาจากอัลลอฮ์แด่ผู้ที่อพยพในหนทางของพระองค์

#สหกรณ์อิสลามอมานะฮฺ เพื่อชีวิตที่ใกล้ชิดหลักการ

Leave a comment